ตัวช่วยให้คุณเข้าใจ Carbon Label ง่ายขึ้น
ฉลากคาร์บอน(Carbon label) เป็นการแสดงข้อมูลการปล่อยก๊าซเรือนกระจก หรือคาร์บอนฟุตพริ้นท์ (Carbon
footprint) ตลอดวัฏจักรชีวิตผลิตภัณฑ์ โดยแสดงผลอยู่ในรูปของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (CO2 equivalent)
ซึ่งฉลากคาร์บอนจัดอยู่ในฉลากสิ่งแวดล้อม ประเภทที่ 3 (ISO 14025: Type III Environmental Declaration)
ฉลากคาร์บอน สามารถแบ่งออกเป็น 4 ประเภท
ตามวิธีการแสดงข้อมูลการปล่อยก๊าซเรือนกระจกหรือคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของผลิตภัณฑ์ คือ
ประเภทที่ 1 คือ ฉลากบ่งชี้การปล่อยคาร์บอนต่ำ (Low-carbon seal)
แสดงข้อมูลการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในปริมาณที่ต่ำกว่าผลิตภัณฑ์ในกลุ่มเดียวกัน
ประเภทที่ 2 คือ ฉลากบ่งชี้ระดับการปล่อยคาร์บอน (Carbon rating)
แสดงระดับการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของผลิตภัณฑ์ เช่น ระดับเหรียญทอง เงิน และทองแดง
หรือบ่งชี้ระดับการลดลงของปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Carbon reduction rating)
แต่ไม่ได้แสดงข้อมูลตัวเลขปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
ประเภทที่ 3 คือ ฉลากระบุขนาดคาร์บอน (Carbon score)
แสดงปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นตัวเลขขนาดคาร์บอนฟุตพริ้นท์
ประเภทที่ 4 คือ ฉลากชดเชยคาร์บอน (Carbon offset/neutral) แสดงการชดเชยคาร์บอน
การนำฉลากคาร์บอนมาติดควรพิจารณาตามลักษณะของธุรกิจหรือผลิตภัณฑ์ และการติดตั้งต่างสถานที่ผลิตหรือบริการ
ต่อไปนี้คือบางปัจจัยที่ทำให้คุณควรใช้ฉลากคาร์บอน:
1 กำลังผลิตที่มีผลกระทบมาก: ถ้ากำลังผลิตของคุณมีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและคาร์บอนสูง,
การใช้ฉลากคาร์บอนสามารถช่วยให้ลูกค้าทราบถึงการมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
2 ตลาดที่ต้องการมีความรับผิดชอบทางสิ่งแวดล้อม:
ถ้าตลาดของคุณมีลูกค้าที่ใส่ใจถึงความรับผิดชอบทางสิ่งแวดล้อม,
การใส่ฉลากคาร์บอนอาจช่วยในการสร้างความนิยมและความไว้วางใจจากลูกค้า
3 ความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมของบริษัท: ถ้าบริษัทของคุณมีการรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม,
การใช้ฉลากคาร์บอนสามารถเป็นการแสดงให้ผู้บริโภครู้ถึงการใส่ใจต่อความสะอาดของบริษัท
4 การทำธุรกิจในสถานที่ที่ต้องการมีความรับผิดชอบทางสิ่งแวดล้อม:
ถ้าคุณทำธุรกิจในพื้นที่ที่มีกฎหมายหรือกลุ่มคนท้องถิ่นที่ต้องการมีความรับผิดชอบทางสิ่งแวดล้อม,
การใช้ฉลากคาร์บอนสามารถช่วยเสริมภาพบริษัท
นอกจากปัจจัยที่กล่าวถึงมีเพิ่มเติมอีกมากมายที่สามารถพิจารณาในการใช้ฉลากคาร์บอน เช่น:
5 การแข่งขันในตลาด: ถ้าสินค้าหรือบริการของคุณมีการแข่งขันกับผู้ค้าอื่น ๆ
ที่ให้ความสำคัญต่อการมีความรับผิดชอบทางสิ่งแวดล้อม, การใช้ฉลากคาร์บอนอาจช่วยแยกแยะสินค้าของคุณ
6 ความต้องการจากกลุ่มผู้บริโภค:
การทราบถึงความต้องการและความคาดหวังของกลุ่มผู้บริโภคที่เป้าหมายสามารถช่วยให้คุณตัดสินใจว่าควรใช้ฉลากคาร์บอนหรือไม่
7 การบูรณาการในกลุ่มอุตสาหกรรม:
บางกลุ่มอุตสาหกรรมหรือสายการผลิตมีมาตรฐานหรือกฎระเบียบเฉพาะที่กำหนดให้ใช้ฉลากคาร์บอน
8 ความรับผิดชอบต่อการเก็บรักษาทรัพยากร:
ถ้าบริษัทมีการให้ความสำคัญต่อการเก็บรักษาทรัพยากรและการลดการใช้พลังงาน,
การใส่ฉลากคาร์บอนจะเป็นการประชาสัมพันธ์ที่ดี
การใช้ฉลากคาร์บอนควรเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ทางสิ่งแวดล้อมของธุรกิจและควรพิจารณาตามเงื่อนไขและความเหมาะสมของสถานการณ์ที่เฉพาะเจาะจง
ในความสัมพันธ์กับฉลากคาร์บอนนั้นจะขึ้นอยู่กับบริษัทหรือผู้ผลิตที่ตัดสินใจนำมาใช้
ฉลากคาร์บอนสามารถปรากฏบนผลิตภัณฑ์หรือบริการ บนบรรจุภัณฑ์ หรือแม้กระทั่งในการโฆษณา
1 บนผลิตภัณฑ์: บางบริษัทอาจตัดสินใจแสดงฉลากคาร์บอนโดยตรงบนผลิตภัณฑ์เอง เช่น บนเสื้อผ้า
อุปกรณ์ไฟฟ้า หรือสินค้าอื่น ๆ
2 บนบรรจุภัณฑ์: ฉลากคาร์บอนมักปรากฏบนบรรจุภัณฑ์ของผลิตภัณฑ์
เพื่อให้ผู้บริโภคทราบถึงคาร์บอนที่เกิดขึ้นจากกระบวนการผลิตและการขนส่ง
3 ในการโฆษณา: บางบริษัทอาจเลือกที่จะให้ข้อมูลเกี่ยวกับคาร์บอนในการโฆษณา
ไม่ว่าจะเป็นในสื่อออนไลน์ โฆษณาทางโทรทัศน์ หรือสื่ออื่น ๆ เพื่อเน้นการมีความรับผิดชอบทางสิ่งแวดล้อม
การติดฉลากคาร์บอนบนผลิตภัณฑ์มักถูกทำเพื่อแสดงถึงการใส่ใจต่อปัญหาสภาพแวดล้อมและการเป็นมิตรต่อโลก
การประเมินคาร์บอนในกระบวนการผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าช่วยในการวัดระดับการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมของผลิตภัณฑ์นั้น
ๆ และส่งเสริมความรับผิดชอบทางสิ่งแวดล้อมของบริษัทผู้ผลิตหรือผู้จัดจำหน่าย
ติดแล้วได้อะไร
การติดฉลากคาร์บอนบนผลิตภัณฑ์ช่วยให้ผู้บริโภคสามารถทราบถึงระดับการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (carbon footprint)
ที่เกิดจากกระบวนการผลิตและการจัดจำหน่ายของสินค้านั้น ๆ
ซึ่งสามารถช่วยส่งเสริมการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีผลกระทบต่ำต่อสิ่งแวดล้อม
และส่งเสริมความตระหนักในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั่วไป
วิธีการ
การลดคาร์บอนในผลิตภัณฑ์และกระบวนการผลิตมีหลายวิธี เช่น:
1 ใช้วัสดุสิ่งทอที่มีรายละเอียดการผลิตน้อย:
การลดปริมาณวัสดุที่ใช้ในกระบวนการผลิตสามารถลดการใช้พลังงานและการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้
2 ใช้พลังงานทดแทน: การเลือกใช้พลังงานทดแทนที่มีผลกระทบต่ำต่อสิ่งแวดล้อม เช่น พลังงานชีวมวล,
พลังงานทดแทนจากแสงอาทิตย์, หรือการใช้พลังงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
3 การลดการขนส่ง: การลดระยะทางการขนส่งหรือเลือกใช้พลังงานที่มีผลกระทบต่ำในการขนส่งสินค้า
4 การรีไซเคิล: การใช้วัสดุที่มีทรัพยากรจากการรีไซเคิลช่วยลดการใช้วัสดุใหม่และการผลิต
การลงนามสัตยาบันสิ่งแวดล้อม, การใช้เทคโนโลยีสิ่งแวดล้อมที่ทันสมัย,
และการส่งเสริมการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีรายละเอียดการผลิตสูงก็เป็นวิธีที่บริษัทส่วนมากนำมาใช้เพื่อลดคาร์บอน
การติดฉลากคาร์บอนมีขั้นตอนที่คล้ายคลึงกับการติดฉลากอื่น ๆ แต่มีบางขั้นตอนที่เฉพาะเจาะจงต่อการวัดคาร์บอน
นี่คือขั้นตอนที่อาจเกิดขึ้น:
1 วัดคาร์บอน: บริษัทต้องทำการวัดระดับคาร์บอนที่เกิดขึ้นจากกระบวนการผลิตทั้งหมด รวมถึงการผลิต,
การขนส่ง, และวัตถุดิบ การวัดนี้เป็นส่วนสำคัญในการคาดการประมาณคาร์บอนที่เกิดขึ้น
2 จัดรูปแบบข้อมูล:
ข้อมูลเกี่ยวกับคาร์บอนที่ได้จากขั้นตอนการวัดจะถูกจัดรูปแบบให้อยู่ในรูปแบบที่เข้าใจง่ายและสามารถนำไปใช้ในการติดฉลาก
3 ออกแบบและพิมพ์ฉลาก: ต่อไปคือการออกแบบฉลากคาร์บอน
โดยจะรวมข้อมูลเกี่ยวกับคาร์บอนในรูปแบบที่ชัดเจน และมีการพิมพ์บนบรรจุภัณฑ์หรือผลิตภัณฑ์ตามที่ตัดสินใจ
4 การประชาสัมพันธ์: บริษัทต้องสื่อสารกับผู้บริโภคเกี่ยวกับการใช้ฉลากคาร์บอน
ทำให้ทราบถึงความรับผิดชอบทางสิ่งแวดล้อมของผลิตภัณฑ์
5 การประเมินผล: หลังจากที่ฉลากถูกใช้,
การตรวจสอบผลลัพธ์และรับข้อติเตียนจากผู้บริโภคหรือหน่วยงานอื่น ๆ
จะช่วยในการปรับปรุงและเสริมความถูกต้องของข้อมูล
การใช้ฉลากคาร์บอนนอกจากที่จะช่วยในการสร้างความตระหนักทางสิ่งแวดล้อม ยังมีกลุ่มผู้ได้ประโยชน์หลายกลุ่ม
เช่น:
1 ผู้บริโภค ช่วยให้ผู้บริโภคทราบถึงระดับคาร์บอนที่เกิดจากผลิตภัณฑ์ที่พวกเขาใช้
ทำให้สามารถเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่มีผลกระทบต่ำต่อสิ่งแวดล้อม
2 บริษัท ช่วยในการสร้างภาพบริษัทที่มีความรับผิดชอบทางสิ่งแวดล้อม
สามารถประกาศว่าบริษัทนั้นมีการใส่ใจต่อความยั่งยืนและมีการดำเนินงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
3 สถานที่ผลิตและสายการผลิต
การใช้ฉลากคาร์บอนสามารถช่วยส่งเสริมนโยบายที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในสถานที่ผลิต
และส่งเสริมการลดการใช้พลังงานและทรัพยากร
4 ผู้ลงทุน
บริษัทที่มีการดำเนินธุรกิจที่มีความรับผิดชอบทางสิ่งแวดล้อมสามารถดึงดูดผู้ลงทุนที่มีความสนใจในการลงทุนที่มีผลกระทบต่ำต่อสิ่งแวดล้อม